วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บทความดีๆสำหรับคนสู้ชีวิตครับ


ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งในอเมริกา เคยมีเงินเดือนเกือบ 2 ล้านบาทต่อเดือน..แต่เมื่อเจอกับวิกฤติเศษฐกิจในอเมริกา เขาถึงกับตกงาน ไม่มีรายได้ซักกะบาท!
เขามีลูกวัยเรียน2คนและเมียที่เป็นแม่บ้านต้องเลี้ยงอีกคน เขาต้องมีเงินสำหรับใช้จ่ายเยอะมากในแต่ละเดือน จนน่าวิตกว่า เขาจะหางานที่สามารถจุนเจือครบอครัวได้จริงหรือ?
แต่ผู้บริหารคนนี้ เขามั่นใจ100%ว่า หากเขาเป็นคนขยัน เป้นคนอดทน มุ่งมั่น และไม่ยอมแพ้ เขาไม่มีวันตกงานแน่!!
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่ออกจากงาน เขาตะเวนสมัครงานไปด้วย
หางานตั้งแต่เช้ามืดยันมืดค่ำ 3เดือนผ่านไป.."เขาก็ยังคงตกงาน"
เพราะทุกบริษัทก็เป็นแบบเขา คือย่ำแย่ ตกต่ำ มีคนขายไม่มีคนซื้อ เศษฐกิจบัดซบสุดๆ
เข้าเดือนที่ 4 เงินเขาหมด เขาจึงตัดสินใจขายรถ และเอาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว
เขาก็ยังออกจากบ้านทุกเช้า เผื่อไปฟังคำปฏิเสธทุกวัน ตั้งแต่เช้ามืด ยังมืดค่ำ..จนเมียถามว่า เขาจะไปทำไม ให้เสียเวลา เสียเงิน เสียเกียรติ และ เสียศักดิ์ศรี..!!!
เขาหันมาบอกเมียจ๋าว่า..
"ถ้าเราไม่ไป เราถูกปฏิเสธ 100% ชีวิตล้มแหลวแน่นอน 100%แต่ถ้าเราออกไป เรายังมีโอกาศประสบความสำเร็จ 10% ถ้ายังสู้ได้ เขาจะไม่ยอมแพ้เป็นอันขาด!!"
เข้าสู่เดือนที่ 6 เงินจากการขายรถ หมดอีกครั้ง
เขาเอาบ้านไปจำนอง ได้เงินมาไม่ถึง1/4ของราคาบ้าน และเขาก็ออกสมัครงานต่อ
เข้าสู่เดือนที่10 เงินจากการขายบ้านหมด....
เขาต้องให้ลูกออกจากโรงเรียน เผื่อลดค่าใช้จ่าย เขาต้องรวบรวมทรัพย์สินที่มีค่าในบ้าน ไปขาย จนหมดตัว เขาแทบไม่เหลืออะไรแล้ว...
เขาเดินสมัครงาน..จนรองเท้าสึกและพื้นรองเท้าขาด จนเขาต้องเดินลากขาไปเผื่อไม่ให้พิ้นรองเท้าเปิด เป็นที่น่าสมเพศของผู้คนรอบข้างนัก วันหนึ่ง เขาไม่มีเงินแม้แต่จะกินข้าวเที่ยง เขาต้องดื่มน้ำก๊อกกลั้วท้องไปวันๆ และเขาก็เดินไปต่อ กระทั่งเขารู้สึกเจ็บแปร๊บที่เท้าอย่างสุดๆ เขาตกใจและยกเท้าขึ้นมาดู
ลวดงอๆทิ่มเข้าไปที่นิ้วเท้าของเขาลึกไปประมาณ 2 นิ้ว เขารีบดึงออกมา
และทันใดนั้น ปรี๊ด! เลือดพุ่งออกมาเต็มเท้า
เขาทรุดตัวลงฟุตบาท และร้องไห้ออกมา ไม่ไหวแล้ว...
ชีวิตกู...ทำไมมันบัดซบอย่างงี้
พระเจ้าเล่นตลกอะไรอยู่ กูไม่ขำ พระเจ้าจะทดสอบกูไปถึงไหน!
เขาเป็นคนขยัน ตั้งมั่น ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้มาตลอด
สิ่งที่เขาควรได้รับ คือ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
ไม่ใช่ความยากจน ลำบาก อดอยาก แร้งแค้นแบบนี้
เขาด่าพระเจ้าลั่นถนน!! ไม่ไหวแล้ว!....
..........
เมื่ออารมณ์เย็นขึ้น เขาเอามือหนึ่งกดแผลไว้ให้เลือดหยุด และเอาอีกมือหนึ่ง หยิบลวดอันนั้นมาดู..และด้วยความที่เป็นนักบริหาร เขาจึงคิดจะหาประโยช์นจากมันให้ได้..
เขาคิดใจใน...."มึงตำตีนกูได้ กูก็ต้องเอามึงไปใช้งานได้!"
......กูไม่ยอมให้มึงทำกูข้างเดียวหรอก!!
เขานั่งคิดอยู่พักใหญ่ จนเลือดหยุด เขาจึงเดินไปหาเจ้าของโรงงานคนหนึ่งที่เป็นคนรู้จักคุ้นเคยกันมานาน พร้อมกับถือลวดไปด้วย แล้วเสนอไอเดียจากไอ้ลวดนรกนั่น เจ้าของโรงงานสงสาร จึงยอมรับคำขอร้องของเขา....
หลายเดือนผ่านไป ชายคนนี้ประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี โด่งดังไปทั่วโลก!.....โดยการนำลวดที่ตำตีนเขา
.....มาเปลี่ยนเป็น.....
**ลวดหนีบกระดาษ!!!**
มีประเทศไหนในโลกไหมครับ ที่ไม่มี "ลวดหนีบกระดาษ"
ชายผู้ตกอับจนถึงขีดสุด กลับมาร่ำรวยและยิ่งใหญ่ที่สุดได้
เขาจึงสรุปได้ว่า..
ถ้ามีความพยายาม อดทน มุ่งมั่น และไม่ย่อท้อ
สิ่งที่พระเจ้าจะประทานให้คุณ มีแต่ความสำเร็จเท่านั้น.. แต่..ที่สำคัญคือ
....มึงสู้ จริงหรือเปล่า!!!!!....

เรื่องน่าคิด

วันหนึ่งไอน์สไตน์ถามนักเรียนในห้องเรียนว่า
“มีคนซ่อมปล่องไฟสองคน กำลังซ่อมปล่องไฟเก่า
พอพวกเขาออกมาจากปล่องไฟ ปรากฏว่าคนหนึ่งตัวสะอาด
อีกคนหนึ่งตัวเลอะเทอะเต็มไปด้วยเขม่า
ขอถามหน่อยว่าคนไหนจะไปอาบน้ำก่อน”
นักเรียนคนหนึ่งตอบว่า
“ก็ต้องคนที่ตัวสกปรกเลอะเขม่าควันสิครับ”

ไอน์สไตน์พูดว่า “งั้นหรือ?” ลองคิดดูให้ดีนะ
คนที่ตัวสะอาดเห็นอีกคนที่ตัวสกปรกเต็มไปด้วยเขม่าควัน
เขาก็ต้องคิดว่าตัวเองออกมาจากปล่องไฟเก่าเหมือนกัน
ตัวเขาเองก็ต้องสกปรกเหมือนกันแน่ๆ เลย
ส่วนอีกคนเห็นฝ่ายตรงข้ามตัวสะอาด ก็ต้องคิดว่า
ตัวเองก็สะอาดเหมือนกัน

ตอนนี้ผมขอถามพวกคุณอีกครั้งว่า ใครที่จะไปอาบน้ำก่อนกันแน่
นักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นว่า
“อ๋อ! ผมรู้แล้ว พอคนตัวสะอาดเห็นอีกคนตัวสกปรก
ก็นึกว่าตัวเองตัวสกปรกแน่ แต่คนที่ตัวสกปรกเห็นอีกคนตัวสะอาด
ก็คิดว่าตัวเองไม่สกปรกเลย
ดังนั้นคนที่ตัวสะอาดต้องวิ่งไปอาบน้ำก่อนแน่เลย ถูกไหมครับ”
ไอน์สไตน์มองไปที่นักเรียนทุกคน นักเรียนทุกคนต่างก็เห็นด้วยกับคำนี้
ไอน์สไตน์จึงค่อยๆพูดขึ้น อย่างมีหลักการและเหตุผล
“คำตอบนี้ก็ผิด ทั้งสองคนออกมาจากปล่องไฟเก่าเหมือนกัน
จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนหนึ่งสะอาด อีกคนหนึ่งจะสกปรก
เมื่อความคิดของคนเราถูกชักนำจนสะดุด
ก็จะไม่สามารถแยกแยะ
และหาเหตุผลแห่งเรื่องราวที่แท้จริงออกมาได้...”
 

“จงออกจากพันธนาการของความเคยชิน
หลบเลี่ยงจากกับดักทางความคิด
หลีกหนีจากสิ่งที่ทำให้เราหลงจากความถูกต้อง
แล้วคุณจะพบกับสิ่งที่เรียกว่าความเป็นจริง”